ทีมสเปอร์ หรือ “ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์” (Tottenham Hotspur) คือหนึ่งในทีมดังของพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่มีแฟนบอลเหนียวแน่นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีฐานแฟนคลับจำนวนไม่น้อย ถึงแม้ในช่วงหลังทีมจะประสบปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น และขาดความสม่ำเสมอในการลุ้นแชมป์ แต่ในฤดูกาลล่าสุด สเปอร์ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งในระดับบริหารและภาคสนาม ที่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการ “กลับมายิ่งใหญ่” อีกครั้งในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงในเชิงบริหาร: จุดเริ่มต้นของ ทีมสเปอร์ ยุคใหม่
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือการลงทุนพัฒนาสนามเหย้าแห่งใหม่ Tottenham Hotspur Stadium ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสนามที่ทันสมัยที่สุดในโลก ด้วยความจุกว่า 62,000 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เช่น พื้นสนามสไลด์เปลี่ยนได้ระหว่างฟุตบอลและอเมริกันฟุตบอล, ระบบเสียงระดับคอนเสิร์ต และพื้นที่ค้าขายรอบสนามขนาดใหญ่
แม้การลงทุนนี้จะเพิ่มภาระทางการเงินในช่วงแรก แต่ก็ถือว่าเป็นการปูทางสู่การเพิ่มรายได้ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงนักเตะระดับโลกเข้าร่วมทีมในอนาคต
กุนซือคนใหม่: รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป
หลังจากการเปลี่ยนกุนซือหลายครั้งนับตั้งแต่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ลาทีมไปเมื่อปี 2019 สเปอร์ได้ลองผิดลองถูกกับกุนซือสายป้องกันอย่างโชเซ่ มูรินโญ่ และอันโตนิโอ คอนเต้ แต่สุดท้ายกลับไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว
ล่าสุด สเปอร์เลือกแนวทางใหม่ด้วยการแต่งตั้ง อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือจากออสเตรเลีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสไตล์การเล่นแบบเปิดเกมบุกและพึ่งพาความเร็วของปีก สไตล์นี้ทำให้แฟนบอลกลับมาตื่นเต้นอีกครั้งกับการได้เห็นเกมรุกที่กล้าลุยและกล้าเสี่ยงมากขึ้น ต่างจากสมัยก่อนที่เน้นรับเป็นหลัก
ดาวรุ่งและแกนหลักที่น่าจับตา
แม้จะเสีย “แฮร์รี่ เคน” ดาวยิงอันดับหนึ่งของทีมไปให้บาเยิร์น มิวนิค แต่สเปอร์กลับสามารถรักษาแกนหลักที่เหลือไว้ได้ และดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาใช้งานอย่างจริงจัง เช่น
-
เจมส์ แมดดิสัน: กองกลางตัวสร้างสรรค์เกมที่กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง
-
เดยัน คูลูเซฟสกี้: ปีกจอมเลื้อยที่มีทักษะเฉพาะตัวสูง
-
ซน ฮึง-มิน: กัปตันทีมคนใหม่ที่ยังคงเป็นกำลังหลักทั้งในเกมรุกและในฐานะผู้นำ
-
อูโดกี้ และ บิสซูม่า: ผู้เล่นที่ค่อย ๆ ฉายแววในแผงหลังและแดนกลาง
การให้โอกาสดาวรุ่งผสมผสานกับนักเตะประสบการณ์สูง อาจเป็นสูตรลับที่ทำให้ทีมสเปอร์แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว
กลยุทธ์และแท็กติกที่น่าจับตา
ปอสเตโคกลูนำระบบ 4-3-3 แบบกดดันสูง มาใช้กับทีมสเปอร์ ซึ่งแตกต่างจากอดีตกุนซือหลายคนที่เล่นแบบรัดกุมและเน้นเกมสวนกลับ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทีมดูมีชีวิตชีวาขึ้น และแฟนบอลรู้สึกมีความหวังกับเกมรุกที่มีสีสันมากกว่าเดิม
การเพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า, การสลับตำแหน่งในแนวรุก และการเติมเกมของแบ็คซ้ายขวา เป็นสิ่งที่แฟนบอลได้เห็นอย่างต่อเนื่องจากทีมสเปอร์ในฤดูกาลล่าสุด
เป้าหมายในฤดูกาลหน้า: ความคาดหวังใหม่ของแฟนบอล
แม้จะยังไม่ถึงขั้นลุ้นแชมป์แบบจริงจังในตอนนี้ แต่แฟนบอลสเปอร์หลายคนคาดหวังอย่างน้อยว่า ทีมจะคว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้อีกครั้ง และสร้างความมั่นใจในระยะยาวให้กับนักเตะดาวรุ่งที่จะเติบโตต่อไป
หากสามารถรักษาฟอร์มที่ดีไว้ได้ และเพิ่มขุมกำลังในช่วงตลาดซื้อขาย นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า “ทีมสเปอร์ยุคใหม่” นี้จะสามารถกลับไปเป็นทีมลุ้นแชมป์ในระยะเวลาไม่เกิน 2-3 ฤดูกาลข้างหน้า